Toxic People: เข้าใจและบริหารจัดการความสัมพันธ์เพื่อสุขภาวะที่ดีในองค์กร
- MC Team
- 5 วันที่ผ่านมา
- ยาว 1 นาที

ในทุกแวดวง ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ทำงาน ทีมโปรเจกต์ หรือแม้แต่ในชีวิตส่วนตัว เรามักพบเจอกับบุคคลที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อพลังงานและสุขภาพจิตใจของเราอย่างต่อเนื่อง คนเหล่านี้ถูกนิยามว่าเป็น "Toxic People" หรือ "คนเป็นพิษ" การเข้าใจถึงประเภทและกลไกพฤติกรรมของพวกเขา รวมถึงการมีกลยุทธ์ในการรับมือ จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาสภาพแวดล้อมเชิงบวกและผลิตภาพในองค์กร
รากฐานของพฤติกรรม "เป็นพิษ"
พฤติกรรมเป็นพิษไม่ได้เกิดขึ้นลอย ๆ แต่มีปัจจัยเชิงจิตวิทยาที่ซับซ้อนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งผู้นำหรือผู้บริหารควรทำความเข้าใจ:
ความไม่มั่นคงภายใน (Insecurity): หลายครั้ง พฤติกรรมที่พยายามควบคุม กดขี่ หรือวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น มาจากความรู้สึกไม่มั่นคงในคุณค่าของตนเอง การลดทอนผู้อื่นทำให้พวกเขารู้สึกมีอำนาจและดีขึ้น
ประสบการณ์ในอดีต (Past Experiences): การเผชิญกับบาดแผลทางอารมณ์หรือประสบการณ์เชิงลบในอดีต อาจหล่อหลอมให้บุคคลแสดงพฤติกรรมที่เป็นพิษออกมาโดยไม่รู้ตัว
ปัญหาสุขภาพจิต (Mental Health Issues): ในบางกรณี พฤติกรรมเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพจิตที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยหรือจัดการอย่างเหมาะสม ซึ่งต้องการความเข้าใจและการสนับสนุนอย่างมืออาชีพ
การขาดทักษะทางสังคมและ Empathy (Lack of Social Skills & Empathy): บางคนอาจไม่เข้าใจถึงผลกระทบของคำพูดหรือการกระทำต่อผู้อื่น หรือขาดความสามารถในการเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้อื่น
ประเภทของ "คนเป็นพิษ" ที่พบบ่อยในองค์กร
การระบุประเภทของคนเป็นพิษจะช่วยให้คุณสามารถเลือกวิธีการรับมือได้อย่างเหมาะสม:
นักวิจารณ์เชิงลบ (The Constant Critic): บุคคลกลุ่มนี้มักหาจุดบกพร่องในทุกสิ่งที่คุณหรือทีมทำ คำพูดของพวกเขามักบั่นทอนขวัญและกำลังใจ สร้างบรรยากาศเชิงลบ และทำให้ผู้อื่นรู้สึกไม่มั่นใจในความสามารถของตนเอง
ตัวอย่าง: "งานนี้ดีนะ แต่ถ้าคุณทำตามที่ผมบอกตั้งแต่แรก คงไม่พลาดเรื่องนั้น"
ผู้ชอบสวมบทเหยื่อ (The Victim): พวกเขามักมองว่าตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำจากทุกสถานการณ์ โทษผู้อื่นหรือปัจจัยภายนอกสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น และเรียกร้องความสงสารโดยไม่แสดงความรับผิดชอบหรือพยายามแก้ไข
ตัวอย่าง: "ผมทำอะไรไม่ได้หรอก เพราะหัวหน้าก็ไม่เคยให้โอกาสผมเลย"
นักดูดพลังงาน (The Energy Vampire): การปฏิสัมพันธ์กับคนกลุ่มนี้มักทำให้คุณรู้สึกหมดแรง เหนื่อยล้า และจิตตก พวกเขามักจะบ่นคร่ำครวญถึงปัญหาซ้ำ ๆ โดยไม่ต้องการทางออก หรือพูดแต่เรื่องราวเชิงลบ
ตัวอย่าง: การใช้เวลานานในการประชุมหรือบทสนทนาส่วนตัวเพื่อบ่นเรื่องเดิม ๆ โดยไม่ก้าวไปข้างหน้า
ผู้ควบคุม (The Controller): บุคคลเหล่านี้ต้องการควบคุมทุกแง่มุมของการทำงานและการตัดสินใจ พวกเขาไม่เคารพความคิดเห็นหรืออิสระในการตัดสินใจของผู้อื่น ซึ่งอาจนำไปสู่การทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพและการขาดความคิดสร้างสรรค์
ตัวอย่าง: "คุณต้องทำแบบนี้เท่านั้น ไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้"
จอมข่มเหง/อันธพาล (The Bully/Aggressor): พวกเขาใช้อำนาจ การข่มขู่ หรือคำพูดที่รุนแรงเพื่อบีบบังคับให้ได้สิ่งที่ต้องการ พฤติกรรมนี้สร้างความกลัว ความเครียด และทำลายความสัมพันธ์ในทีมอย่างรุนแรง
ตัวอย่าง: การตะคอกใส่เพื่อนร่วมงาน การพูดจาดูถูกเหยียดหยามในที่ประชุม
จอมนินทา (The Gossipmonger): คนเหล่านี้มักแพร่ข่าวลือ นินทาว่าร้ายผู้อื่น และอาจใช้ข้อมูลส่วนตัวเพื่อสร้างความแตกแยก ซึ่งทำลายความไว้วางใจและบรรยากาศในที่ทำงาน
ตัวอย่าง: การเล่าเรื่องส่วนตัวของเพื่อนร่วมงานในทางเสียหาย หรือสร้างเรื่องราวที่ไม่เป็นจริง
ผู้เห็นแก่ตัว (The Self-Absorbed): ทุกสิ่งทุกอย่างต้องหมุนรอบตัวพวกเขา พวกเขาไม่สนใจ ความต้องการหรือมุมมองของผู้อื่น และพยายามดึงความสนใจมาที่ตัวเองเสมอ ซึ่งขัดขวางการทำงานเป็นทีมและการให้ความร่วมมือ
ตัวอย่าง: การผูกขาดบทสนทนา การไม่ฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และเบี่ยงประเด็นกลับมาที่ตนเอง
กลยุทธ์บริหารจัดการ "คนเป็นพิษ" ในบริบทองค์กร
การรับมือกับคนเป็นพิษต้องใช้กลยุทธ์ที่เฉียบคมและสติ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานและสุขภาพจิตของทีม:
กำหนดขอบเขตที่ชัดเจนและหนักแน่น (Set Clear and Firm Boundaries):
สื่อสารอย่างชัดเจนว่าพฤติกรรมใดที่ยอมรับได้และยอมรับไม่ได้ในการทำงานร่วมกัน หากมีการล้ำเส้น ให้หยุดการปฏิสัมพันธ์และระบุขอบเขตอย่างสุภาพแต่จริงจัง เช่น "เรามาโฟกัสที่หัวข้อการประชุมกันดีกว่าครับ" หรือ "ฉันไม่สะดวกที่จะคุยเรื่องส่วนตัวในเวลางาน"
จำกัดการติดต่อปฏิสัมพันธ์ (Limit Interaction):
หากเป็นไปได้ ให้ลดระยะเวลาและความถี่ในการติดต่อกับคนที่เป็นพิษให้น้อยที่สุด โดยเฉพาะการปฏิสัมพันธ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้จำกัดการสนทนาให้อยู่ในประเด็นที่จำเป็นเท่านั้น
หลีกเลี่ยงการตอบสนองเชิงอารมณ์ (Avoid Emotional Responses):
คนเป็นพิษมักพยายามกระตุ้นอารมณ์ของคุณ การตอบสนองด้วยความโกรธ ความหงุดหงิด หรือความเสียใจจะยิ่งทำให้พวกเขามีอำนาจเหนือคุณ จงรักษาความสงบและวางตัวเป็นกลาง ไม่ป้อนข้อมูลหรือคำแนะนำที่ไม่จำเป็น
มุ่งเน้นการจัดการ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลง (Focus on Managing, Not Changing Them):
ยอมรับว่าคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้อื่นได้ การพยายาม "แก้ไข" คนเป็นพิษมักจะนำมาซึ่งความท้อแท้และความผิดหวังแก่ตัวคุณเอง ให้มุ่งเน้นที่การจัดการปฏิกิริยาและขอบเขตของคุณเอง
ใช้เทคนิค "หินสีเทา" (Employ the "Gray Rock" Method):
เมื่อจำเป็นต้องปฏิสัมพันธ์ ให้ทำตัวเหมือน "หินสีเทา" คือปราศจากอารมณ์ ไม่น่าสนใจ และให้ข้อมูลส่วนตัวน้อยที่สุด เพื่อทำให้คนเป็นพิษหมดความสนใจและไม่พยายามเข้ามาควบคุมหรือบงการคุณ
สร้างเครือข่ายสนับสนุนและปรึกษา (Build a Strong Support Network):
พูดคุยกับเพื่อนร่วมงานที่ไว้ใจ หัวหน้างาน หรือฝ่ายบุคคล เพื่อระบายความรู้สึกและขอคำแนะนำ การมีระบบสนับสนุนที่ดีจะช่วยลดความตึงเครียดและทำให้คุณไม่รู้สึกโดดเดี่ยว
ให้ความสำคัญกับสุขภาวะของตนเอง (Prioritize Your Well-being):
การเผชิญหน้ากับคนเป็นพิษสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตได้อย่างร้ายแรง หากคุณรู้สึกว่าได้รับผลกระทบมากเกินไป อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักจิตวิทยาหรือโค้ชด้านองค์กร
สรุป
การทำความเข้าใจและมีกลยุทธ์ในการบริหารจัดการ "คนเป็นพิษ" ไม่ใช่เพียงแค่การปกป้องสุขภาพจิตของตนเอง แต่ยังเป็นการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นบวกและส่งเสริมผลิตภาพในองค์กร การปกป้องขอบเขตส่วนตัวและรักษาพลังงานให้คงอยู่ จะช่วยให้คุณสามารถก้าวผ่านความท้าทายเหล่านี้ และมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายทางอาชีพได้อย่างเต็มศักยภาพ
คุณเคยเจอคนประเภทไหนที่ท้าทายที่สุดในที่ทำงาน และคุณรับมือกับพวกเขาอย่างไร?
Comments