ในบรรดาสไตล์ผู้นำที่หลากหลาย จะมีรูปแบบหนึ่งที่โดดเด่นและได้ผลดี เนื่องจากมีความเห็นอกเห็นใจ มุ่งมั่นต่อการเติบโตของลูกน้องและองค์กร และให้ความสำคัญกับทีมมากกว่าความสำเร็จส่วนตัว นั่นคือ “ผู้นำแบบ ‘ผู้เสียสละ’ ” หรือ “Servant Leadership”
ในบทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก ‘เหตุผล’ ที่ทำให้เหล่ามืออาชีพและพนักงานทั้งหลายถึงชื่นชมและสามารถทำงานร่วมกับผู้นำแบบ Servant Leadership (ผู้นำแบบผู้เสียสละ) ได้เป็นอย่างดี และ ‘ทำไม’ สไตล์ผู้นำแบบนี้จึงเป็นที่รักของทุกคนมากที่สุดจากทั้งหมด
ผู้นำแบบ “Servant Leadership” คืออะไร?
การเป็น ผู้นำแบบ “Servant Leadership” ได้พลิกแนวคิดการนำแบบเดิมๆ ที่เน้นการสั่งการจากบนลงล่าง (หัวหน้าสั่งลูกน้อง) กลับกัน แทนที่จะให้อำนาจอยู่ในมือผู้นำสูงสุด ผู้นำแบบ Servant Leadership จะกระจายอำนาจออกไป ใส่ใจความต้องการของผู้อื่นเป็นอันดับแรก และช่วยพัฒนาสมาชิกในทีมให้แสดงศักยภาพออกมาอย่างเต็มที่ รวมถึงสร้าง ‘ผู้นำ’ คนใหม่ให้เก่งและโดดเด่นกว่าตนขึ้นมา ด้วยคุณลักษณะนี้สามารถนำไปสู่การมีส่วนร่วมที่สูงขึ้น การเพิ่มความไว้วางใจ และประสิทธิภาพของทีมที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ผู้นำแบบ “Servant Leadership / ผู้นำแบบผู้เสียสละ” มีลักษณะแบบไหนบ้าง ที่ทำให้หลายๆ คน ถึงชอบที่สุด
ผู้นำสไตล์นี้มีบุคลิกเฉพาะอยู่ด้วยกันหลายข้อ
😇 มีความเห็นอกเห็นใจ: ผู้นำสไตล์นี้จะพยายามเข้าใจและรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ทำให้พนักงานรู้สึกได้รับความเคารพและเข้าใจ ไม่เพียงแต่ในฐานะลูกจ้าง แต่ยังเป็นในฐานะมนุษย์ด้วย
😇 เป็นผู้รับฟังที่ดี: ให้ความสำคัญกับการฟังความคิดเห็นและความกังวลของผู้อื่นอย่างจริงจัง ทำให้การสื่อสารระหว่างกันเป็นการสื่อสารทั้งสองทาง
😇 เป็นหน่วยฮีลใจ: ผู้นำจะตระหนักถึงความท้าทายทั้งในเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานที่สมาชิกในทีมเผชิญ และพยายามช่วยเหลือให้พวกเขาสามารถเอาชนะความท้าทายเหล่านั้นได้
😇 มีการตระหนักรู้: เขาจะตระหนักในตัวเองรวมถึงคนรอบข้าง ซึ่งช่วยให้สามารถตัดสินใจอย่างสมดุลและเหมาะสม โดยพิจารณาถึงผลกระทบในมุมมองที่กว้างขึ้น
😇 มีการโน้มน้าวใจที่ดี: แทนที่จะใช้อำนาจเพื่อบังคับให้ปฏิบัติตาม ผู้นำสไตล์นี้จะพึ่งพาการโน้มน้าวใจเพื่อชักจูงและรวมทีมเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน
เหตุผลที่แท้จริง “ทำไมลูกน้องถึงรักผู้นำสไตล์นี้กัน”
✅ ส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ให้การสนับสนุน: ผู้นำแบบ Servant Leadership จะส่งเสริมการสนับสนุนและการทำงานร่วมกัน สร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรและเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งทำให้พนักงานที่ทำร่วมงานกับผู้นำสไตล์นี้มีความสุขกับงานมากขึ้นและรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของทีมอย่างแท้จริง
✅ ส่งเสริมการเติบโตทั้งในด้านชีวิตส่วนตัวและอาชีพ: ผู้นำสไตล์นี้จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะและอาชีพของทุกคนในทีม โดยทำหน้าที่คอยแนะนำและฝึกสอน พร้อมทั้งลงทุนในการฝึกอบรม เพื่อช่วยให้สมาชิกมีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพได้มากขึ้น
✅ เพิ่มประสิทธิภาพของทีม: Servant Leadership ให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีและการพัฒนาของทีม ซึ่งมักทำให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมและผลผลิตที่สูงขึ้นของสมาชิกในทีม พร้อมกับสนับสนุนสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมนวัตกรรมและช่วยให้ความสามารถของแต่ละบุคคลได้รับการพัฒนา
✅ ให้ความไว้วางใจที่สูง: ผู้นำสไตล์นี้จะแสดงความใส่ใจจริงใจต่อทีมงาน ซึ่งช่วยสร้างความไว้วางใจเมื่อเวลาผ่านไป ความไว้วางใจนี้ช่วยเพิ่มการสื่อสารและความร่วมมือ ทำให้ทีมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น
✅ มองความสำเร็จขององค์กรในระยะยาว: การเป็นผู้นำแบบ Servant Leadership จะไม่เน้นที่ความสำเร็จระยะสั้น แต่เน้นที่การสร้างองค์กรที่แข็งแกร่งและมีความยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการเติบโตร่วมกันและความสำเร็จที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งกลุ่มและเป้าหมายใหญ่ขององค์กร
สรุปแล้วนั้น…
การเป็นผู้นำในแบบ “Servant Leadership” อาจไม่ได้ดูโดดเด่นเหมือนกับผู้นำสไตล์อื่นๆ ที่มีมากไปด้วยเสน่ห์หรือการตัดสินใจอย่างกล้าหาญ แต่มันจะมีผลดีอย่างมากในการสร้างทีมที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพสูง สร้างลูกน้องให้เก่งให้ดีขึ้นและมีความก้าวหน้าในอาชีพ พนักงานชื่นชอบผู้นำประเภทนี้ ไม่เพียงแค่มองจากสิ่งที่พวกเขาทำสำเร็จ แต่ยังเป็นเพราะวิธีที่ผู้นำทำให้ทีมของพวกเขารู้สึกถูกสนับสนุน ถูกเห็นคุณค่า และได้รับความเคารพ ในสภาพแวดล้อมการทำงานสมัยใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความเห็นอกเห็นใจและจริยธรรม ผู้นำสไตล์นี้ได้รับความนิยมและมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นในปัจจุบัน
ผู้นำที่ดี คือ ผู้นำที่จะสร้างลูกน้องให้เป็นผู้นำและเก่งกว่าตนเอง
Read English Ver.
Comments