
การเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) การทำงานจากระยะไกล (Remote Work) และวัฒนธรรมการทำงานไม่หยุดหย่อน (Non-stop Hustle Culture) กำลังสร้างทัศนคติให้ผู้คนพึ่งพาตัวเองมากขึ้น
"ทำไมต้องจ่ายค่าช่างประปาในเมื่อคุณสามารถดูคลิปบน YouTube และซ่อมท่อน้ำที่รั่วเองได้?"
"ทำไมต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดในเมื่อคุณสามารถอ่านบล็อกไม่กี่หน้าแล้วสร้างแคมเปญเองได้?"
การพึ่งพาตัวเองเป็นคุณสมบัติสำคัญของผู้ประกอบการ (หรือใครๆ ก็ตาม) แต่บ่อยครั้งมันกลับทำให้เรามองข้ามส่วนสำคัญอีกอย่างหนึ่งของความสำเร็จ นั่นก็คือ “การทำงานเป็นทีม”
ในปี 2024 ความสำคัญของการทำงานเป็นทีมไม่สามารถมองข้ามได้ และนี่ไม่ใช่แค่ความเห็นของคนที่ชอบเข้าสังคมเท่านั้น แต่มันเป็นข้อเท็จจริงที่มีข้อมูลสนับสนุน เมื่อคุณเข้าใจถึงประโยชน์ของการทำงานเป็นทีม คุณจะรีบสร้างทีมในฝันแทนที่จะพยายาม clone ตัวเอง หรือต่อเวลาในหนึ่งวันออกไป
และเพื่อให้ชัดเจน เราไม่ได้พูดถึงกลุ่มโปรเจคในโรงเรียนมัธยม ซึ่งมีการทำงานเป็นทีมในแบบที่แตกต่างออกไป แต่เรากำลังพูดถึงการร่วมมืออย่าง “เต็มใจ” ระหว่างมืออาชีพ
พร้อมหรือยัง? ที่จะเห็นว่า “Teamwork” สามารถช่วยคุณและองค์กรของคุณได้อย่างไรบ้าง? บทความนี้จะพาคุณไปพบกับประโยชน์ของ “การทำงานเป็นทีม” ที่ถูกรับรองโดยงานวิจัยต่างๆ กัน!

5 ประโยชน์ของ “การทำงานเป็นทีม” ที่ถูกรับรองโดยข้อมูลจากงานวิจัย
1. เพิ่มความคิดสร้างสรรค์และประสิทธิภาพ
ความหลากหลายและการยอมรับความแตกต่าง ไม่ใช่แค่คำพูดเก๋ๆ ในการจ้างงาน แต่มันช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตจริงๆ McKinsey ได้พิสูจน์แล้วเช่นกัน
จากการวิจัยของ McKinsey พบว่าทีมที่มีความหลากหลายในด้านต่างๆ เช่น เชื้อชาติ อายุ เพศ มีความคิดสร้างสรรค์และประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึง 35% คนที่มีพื้นเพต่างกันจะนำประสบการณ์และมุมมองที่หลากหลายมาสู่ทีม ทำให้เรามองเห็นปัญหาหรือสถานการณ์ได้รอบด้านมากขึ้น แทนที่จะมองจากมุมมองเดียว
แม้ว่าการทำงานกับคนที่มีความเหมือนกับเราจะฟังดูง่ายกว่า แต่มันจะไม่ช่วยให้คุณก้าวหน้าได้ ลองก้าวออกจาก comfort zone ของคุณ แล้วคุณจะมองเห็นผลลัพธ์อันมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น เมื่อคุณทำงานกับทีมที่มีความหลากหลาย
2. ลดความเหนื่อยล้าจากงาน
ความเหนื่อยล้าจากงาน (Burnout) เป็นปัญหาสุขภาพสำหรับวัยทำงานที่แท้จริง และมันยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ทุกวัน
ปัจจุบัน มีพนักงานมากกว่า 50% รู้สึกเหนื่อยล้าจากงาน และ 67% เชื่อว่าปัญหานี้แย่ลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ความเหนื่อยล้าจากงานไม่ใช่สิ่งที่คุณหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญกับมันได้ แต่คุณสามารถทำอะไรบ้างเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้!
“การทำงานเป็นทีมให้ดีขึ้น” สามารถช่วยกระจายงานและแบ่งเบาภาระ เมื่อผู้จัดการและพนักงานมีการสนทนาอย่างตรงไปตรงมาทุกๆ ครั้ง พวกเขาสามารถป้องกันความเหนื่อยล้าจากงานได้ก่อนที่มันจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ประสิทธิภาพการทำงาน และผลลัพธ์
ส่วนใหญ่แล้ว การป้องกันความเหนื่อยล้าทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและไม่ซับซ้อน ลองคิดถึงวันศุกร์ที่กำลังจะมาถึงและงานที่คุณต้องทำให้เสร็จระหว่างนี้ถึงตอนนั้น แล้วลองนึกถึงเพื่อนร่วมงานที่ทำงานเสร็จไปแล้วและยื่นมือมาช่วยเหลือคุณ ทันใดนั้น การทำงานทุกอย่างให้เสร็จก่อนสุดสัปดาห์ก็ดูไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป
3. เพิ่มขวัญกำลังใจของพนักงาน
ขวัญกำลังใจที่ดีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ถ้าคุณอยากให้พนักงานทำงานได้ดีขึ้น ลองมาดูเรื่อง “ขวัญกำลังใจ” กันก่อน
“พนักงานที่มีความผูกพันกับงานจะทำงานได้ดีขึ้นทั้งในระดับองค์กรและส่วนตัว” Schrita Osborne และ Mohamad Hammoud นักวิจัยจาก Walden University กล่าว “ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้นำและพนักงานเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลกำไรขององค์กร”
น่าเสียดาย ที่การทำงานเป็นทีมที่ไม่ดีทำให้ขวัญกำลังใจของพนักงานลดลง พนักงานและผู้บริหารหลายคนมองว่าการสื่อสารที่ไม่ดีเป็นสาเหตุหลักของความล้มเหลวในที่ทำงาน
“โชคดีที่ปัญหาขวัญกำลังใจสามารถแก้ไขได้ง่ายๆ” Max Messmer ประธาน Accountemps และผู้เขียนหนังสือ Human Resources Kit For Dummies กล่าว
“การพัฒนาการสื่อสารในที่ทำงาน เป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดและมีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดในการแก้ปัญหาพนักงานที่ไม่มีความผูกพันต่องาน”
4. เพิ่มกำไรของคุณ
การทำงานเป็นทีมไม่ใช่แค่คุณสมบัติที่ดีที่ควรมีในอาชีพการทำงาน แต่มันส่งผลกระทบต่อกำไรขององค์กรโดยตรง ผลการสำรวจโดย The Economist Intelligence Unit พบว่าการทำงานเป็นทีมที่ไม่มีประสิทธิภาพสามารถทำให้สูญเสียยอดขายมูลค่า $100,000 - $999,999
เป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลยใช่ไหม?
พนักงานตอบแบบสำรวจรายงานถึงผลกระทบของการสื่อสารที่ล้มเหลวในที่ทำงานว่า
ความเครียดเพิ่มขึ้น (52%)
โปรเจคล่าช้าหรือไม่เสร็จสิ้น (44%)
ขวัญกำลังใจของบริษัทลดลง (31%)
เป้าหมายการทำงานไม่สำเร็จ (25%)
ยอดขายลดลง (18%)
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่ตามมาจากการสื่อสารที่ล้มแหลว แต่ถ้าเรามองในแง่โอกาสล่ะ?
พัฒนาการทำงานเป็นทีมและการสื่อสาร แล้วคุณจะเห็นระดับความเครียดลดลง โปรเจคเสร็จตามเวลาที่กำหนด ขวัญกำลังใจของบริษัทสูงขึ้น บรรลุเป้าหมายการทำงาน และยอดขายเพิ่มขึ้น ไม่ใช่การลงทุนที่แย่เลยใช่ไหม?
“การศึกษาของเรากับ The Economist Intelligence Unit ยืนยันว่า การสื่อสารที่ล้มเหลวมีผลกระทบอย่างมากต่อทุกคนในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นเพศ วัย หรือระดับตำแหน่งในบริษัท” Nathan Rawlins หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Lucidchart กล่าว “เมื่อเราเข้าใจสาเหตุและผลกระทบของการสื่อสารที่ไม่ดี ผู้นำธุรกิจสามารถสร้างกลยุทธ์เพื่อส่งเสริมการรวมกลุ่มและความหลากหลายในที่ทำงานได้”
5. รักษาพนักงานให้อยู่กับคุณนานขึ้น
ไม่มีอะไรทำให้พนักงานลาออกได้เร็วเท่ากับการทำงานเป็นทีมที่แย่
นี่อาจเป็นเพราะการสื่อสารที่ผิดพลาด ความเหนื่อยล้า ความเครียด หรือเหตุผลอื่น ๆ ที่เราได้พูดถึงไปแล้ว พนักงานที่ไม่รู้สึกผูกพันกับงานจะไม่อยู่กับองค์กรนั้นนาน
การสูญเสียพนักงานมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าการเสียพนักงาน 1 คนมีค่าใช้จ่ายเท่ากับ 1.5-2.0 เท่าของเงินเดือนประจำปีของพนักงานคนนั้น การจ้างใหม่ ปฐมนิเทศ ฝึกอบรม และทำให้พนักงานใหม่สามารถทำงานได้เต็มที่นั้นมีค่าใช้จ่ายสูง และยังไม่รวมถึงผลกระทบต่อพนักงานคนอื่น ๆ ที่ยังอยู่ (เช่น การมีส่วนร่วมที่ลดลง ความเหนื่อยล้าที่เพิ่มขึ้น และข้อผิดพลาดที่มากขึ้น)
“เราต้องจำไว้ว่าคนคือ ‘สินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่ม’” Josh Bersin จาก Deloitte กล่าว
“ยิ่งเราอยู่กับองค์กรนานเท่าไหร่ เรายิ่งทำงานได้ดีขึ้น — เราเรียนรู้ระบบ เราเข้าใจผลิตภัณฑ์ และเรารู้วิธีทำงานร่วมกัน... ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เช่น การปฐมนิเทศ การโค้ช การฝึกอบรม และการทำงานเป็นทีม เราจะพบ “ที่ของเรา” ได้เร็วขึ้นและเริ่มสร้างคุณค่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ”
International Data Corporation (IDC) คาดการณ์ว่า ถ้าธุรกิจสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เน้นการทำงานร่วมกันจะได้ผลลัพธ์ดังนี้:
พนักงานลาออกน้อยลง 30%
ประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้น 30%
รายได้องค์กรต่อพนักงาน 1 คน เพิ่มขึ้น 30%
คุณอาจจะหยิบเครื่องคิดเลขมาคำนวณค่าใช้จ่ายจากการลาออกของพนักงานอย่างละเอียด หรือคุณอาจจะเชื่อคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญและทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาพนักงานให้อยู่กับคุณ!
Sources
留言